Monday, November 12, 2007

อาชีพในอนาคต

เป็นครั้งที่สองในชีวิตที่ฉันนั่งเขียนบทความอย่างเป็นจริงเป็นจังจากความรู้สึกของตัวเอง นับตั้งแต่ที่เขียนบทความถึงน้องๆAIC ในหนังสือค่ายเมื่อช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา (ซึ่งเป็นครั้งแรก)

หลายคนที่อาจอ่านบทความของฉันอาจจะแปลกใจอยู่เหมือนกัน เพราะภาษาที่ฉันใช้มันเหมือนกับฉันมานั่งอัดเสียงพูดของตัวเองแล้วเขียนบรรยายตามนั้น- เพราะอะไรน่ะหรอ? เพราะฉันเป็นถนัดพูดมากว่าการเขียนเป็นกอง ดังนั้นเวลาที่ฉันต้องการจะถ่ายทอดความรู้สึก ฉันมักจะใช้วิธีการพูดแทนการเขียน ดังนั้นคุณไม่ต้องแปลกใจเลยถ้าหากฉันจะไม่รู้จักคำว่า“ไดอารี่” ทุกครั้งที่ฉันเขียน ฉันจะใช้เวลาอย่างต่ำ 3 ชม. ในการคิดแ ละเรียบเรียงคำพูด-นานมากใช่ไหมล่ะ เอาล่ะแต่ครั้งนี้ฉันต้องใช้เวลา 30 นาทีเท่านั้น เพราะฉันต้องรีบไปเรียนต่อ...

“อาชีพในอนาคต” นี่เป็นโจทย์การเขียนเรียงความครั้งแรกในชีวิตของฉันที่เปิดโอกาสให้ฉันได้เขียนอนาคตของตัวเองจากความเป็นจริงในปัจจุบัน และได้มองโลกอย่างมีวุฒิภาวะเพิ่มขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง คุณอาจจะสงสัยว่าฉันกำลังพูดถึงอะไร?-เรื่องของเรื่องคือ แต่ก่อนที่เขียนเรียงความเกี่ยวกับอาชีพ คุณครูมักใช้หัวข้อว่า “อาชีพในฝัน หรือ อาชีพที่เราใฝ่ฝัน” มาถึงตอนนี้เองที่ฉันเพิ่งเข้าใจว่าทำไมถึงต้องใช้คำว่า “ฝัน” ก็อย่างที่คุณเข้าใจนั่นแหละ ก็อนาคตมันไม่แน่นอน แถมตอนนั้นเรารู้จักตัวเองมากแค่ไหนก็สุดรู้ รู้รึเปล่าว่ากำลังนั่งทำอะไร อีกอย่างครูก็คงไม่อยากไปลดไอเดียสร้างสรรค์ขั้นเทพในวัยเด็กของพวกเรา...อ่านมาถึงตรงนี้ คุณคงเริ่มรู้แล้วสินะว่าฉันเหมาะกับอาชีพแบบไหน?

ฉันเป็นคนตรงๆ ตร๊งตรง ออกจะโผงผางด้วยมั้ง กล้าตัดสินใจ ชอบคิดชอบวางแผน ออกจะมองโลกตามความเป็นจริงสักหน่อย ทะเยอทะยาน ทระนง และรักศักดิ์ศรี โห...อย่างกับ เจ้าแม่เซี่ยงไฮ้ในหนังจีนเลยใช่ไหม? อิอิ (แต่ก็มีอารมณ์เพ้อฝันนะ อิอิ โดยเฉพาะเวลาดูซีรี่ย์เกาหลี แหม...การฉันเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาของแบบหนีก็ต้องมีบ้างหละ-แก้ตัวสุดฤทธิ์) เวลาอยู่ในสังคมฉันมักจะเป็นคนฮาฮา ขำขำ ทำให้ใครต่อใครคิดว่าฉันต้องเข้านิเทศ-โอ้ไม่นะคะ ไม่ใช่คณะนี้ไม่ดีนะคะ แต่คงไม่เหมาะกับฉัน เวลาที่ฉันจริงจัง อะไรๆก็เป็นการเป็นงานได้ทั้งนั้น แต่ทำเอาคนรอบข้างตกใจกลัวอยู่ไม่น้อย เพราะมาดพญามารของฉันไม่เหลือทิ้งไว้เลยในคราบสาวฮา เอิ่ม...ไม่ค่อยดีนะคะท่านผู้ชม

ที่สำคัญที่สุดตอนนี้ฉันมั่นใจ และพบมาจะสองปีแล้วมั้งคะว่าฉันต้องการจะเป็นอะไรในอนาคต อาชีพนั้นก็คือ “ผู้พิพากษา” ซึ่งเป็นอาชีพที่สูงส่ง และยิ่งใหญ่ ที่ต้องตัดสินชีวิตของคนๆหนึ่งเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ฉันออกจะลังเลอยู่เหมือนกันว่า อาชีพคือสิ่งที่อยากจะทำจริงๆน่ะหรือ ทั้งลำบาก ต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆ ออกสังคมมากไม่ได้ ถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก ต้องวางตัวดีตลอดเวลา อีกทั้งยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่า ฉันชอบอาชีพนี้จริงๆ หรือ แค่ถูกพี่ชายเป่าหูมา...แต่มาถึง ณ จุดนี้ ฉันมั่นใจ แล้วก็ได้เลือกแล้วที่จะเลือก อาชีพ “ผู้พิพากษาเป็นอาชีพในอนาคต” เพราะ ชีวิตของเราเกิดมาหนเดียว ตายหนเดียว จึงต้องอยู่อย่างมีค่า ทุกนาทีจะต้องมีความหมาย อยู่อย่างมีคนรัก และจากไปอย่างมีคนอาวรณ์ ดังนั้นฉันต้องทำให้พ่อแม่ภูมิใจให้ได้ สร้างชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล และที่สำคัญที่สุด...ฉันต้องผดุงความยุติธรรมเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองที่ทำให้เราเกิดมามีวันนี้ ที่นี่บนผืนแผ่นดินสยาม...

“จะขอเกิดเป็นคนไทยที่กตัญญกตเวทีต่อชาติชั่วกัลปาวสาน เพราะ
ฉันภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทที่จะขอเทิดไท้ประเทศไทยชั่วชีวา”

ปล.เขียนเลยเวลาตั้ง 10 นาทีแหนะ 555+